การดูแลประคับประคอง เป็นสิ่งที่ใหม่อย่างยิ่งของวงการการรักษาในประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะมีการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองมีหลายต่อหลายด้านด้วยกัน แต่ละด้านสำคัญไม่แพ้กันเลยก็ว่าได้   เริ่มเมื่อใดกับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง  สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นคำถามซึ่งหลายๆ คนสงสัยก็คือเมื่อใดที่ควรเริ่มการรักษาหรือว่าดูแลแบบประคับประคอง ต้องบอกเลยว่าการดูแลประคับประคอง สามารถเริ่มได้ตั้งแต่คนป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคเลยก็ว่าได้ หรือบางครั้งแม้จะได้รับการวินิจฉัยโรคแล้ว ญาติหรือครอบครัวยังไม่สามารถทำใจได้ ก็อาจจะทำการประวิงเวลาไปก่อนก็ได้เช่นกัน จนกว่าจะมีความพร้อมมากกว่าเดิม เมื่อโรคลุกลาม หรือไม่สามารถรักษาแบบอื่นๆ ได้ อย่างไรก็ดี การดูแลประคับประคองจะมีบทบาทแปรผันตรงกับอาการป่วย ยิ่งอาการป่วยเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ การดูแลประคับประคองยิ่งมีบทบาทมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากว่าญาติอยากจะมีการดูแลประคับประคองก็อาจปรึกษาทีมแพทย์ก่อนเป็นการเบื้องต้น   คนป่วยเสียชีวิตแล้วการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองจำเป็นหรือไม่  สิ่งที่หลายๆ คนเข้าใจผิดก็คือ คนป่วยเสียชีวิตแล้วยังจำเป็นหรือไม่สำหรับการดูแลประคับประคอง ขอตอบว่าการดูแลประคับประคองยังคงมีบทบาทต่อไป แต่จะอยู่กับครอบครัวผู้จากไปเสียมากกว่า เพราะว่าครอบครัวของคนที่จากไปนั้น ย่อมจะต้องจมอยู่กับความเสียใจนั่นเอง อาจเป็นความรู้สึกโทษตัวเอง หรือเสียดายที่ไม่ได้ดูแลคนป่วยให้ได้มากกว่านี้ การดูแลประคับประคองมีบทบาทในการกู้จิตใจของคนที่เสียคนในครอบครัวนั่นเอง  คนป่วยกับการเจ็บป่วยทางกาย  อาการเจ็บป่วยทางกายเป็นอาการที่สามารถบั่นทอนไปได้ถึงจิตใจ เนื่องจากเป็นอาการป่วยที่มีตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งนั้น เป็นอีกหนึ่งโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยได้ อย่างไรก็ดีเมื่อได้รับการดูแลประคับประคองเรียบร้อยแล้ว แพทย์ก็จะทำการจ่ายยาเพื่อระงับอาการป่วยนั่นเอง หากว่ามีอาการเจ็บปวดมากๆ ก็อาจจะทำการจ่ายยาระงับปวด ซึ่งมีตั้งแต่ยาพื้นฐานไปจนถึงยาที่สำคัญๆ อย่างยามอร์ฟีน ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บป่วย และน้ำหนักของความเจ็บป่วย  คนป่วยกับอาการเจ็บป่วยทางใจ  อาการทางใจบอบช้ำไม่ต่างกับทางกาย และอาจจะส่งผลกระทบมากกว่า ดังคำกล่าวที่ว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าวนั่นเอง อาการเจ็บป่วยทางใจนั้นสามารถรักษาได้เช่นกัน โดยอาจจะต้องปรึกษาแพทย์เสียก่อนถึงความจำเป็นในการจ่ายยาระงับอาการวิตกกังวล หรืออาจจะมียานอนหลับเพิ่มเติมไปด้วย[…]

Read More

ท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งที่ทุกคนใฝ่ฝัน เพราะการท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งสามารถใกล้ชิดธรรชาติที่สวยงามได้แล้วยังสามารถถ่ายรูปสวยๆ ไว้ได้อีกด้วย แต่การไปแคมป์ปิ้งต้องใช้เวลาและแรงกายจำนวนมาก เพราะในการออกแคมป์ปิ้งต้องเดินป่าและเดินทางไกลอยู่บ่อยครั้ง ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนที่อยากไปแคมป์ปิ้งต้องหมดโอกาสไปเพราะไม่ได้มีเวลาและไม่ต้องการใช้กำลังขนาดนั้น แต่ในทุกวันนี้ได้มีการท่องเที่ยวแบบใหม่อีกอย่างหนึ่งที่ทำมาตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในส่วนนี้แล้ว นั่นก็คือการท่องเที่ยว Glamping Camping นั่นเอง  การท่องเที่ยวแบบ Glamping Camping คืออะไร ทำไมได้รับความนิยม คำว่า Glamping เกิดจากคำสองคำมารวมตัวกัน คำแรกคือคำว่า Glamour ที่แปลว่า มีเสน่ห์ กับอีกคำหนึ่งคือคำว่า Camping ที่แปลว่า การแคมป์ปิ้ง ดังนั้น การท่องเที่ยวแบบ Glamping Camping ก็จะหมายถึง การท่องเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงไหลนั่นเอง เป็นการพักผ่อนแบบแคมป์ปิ้งที่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายทั้งหมด  รูปแบบที่พักแบบ Glamping Camping ที่กำลังเป็นที่นิยม   1.เต็นท์โดม (geodesic dome tent)  เต็นท์นอนขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาให้โปร่งโล่งสบายมาพร้อมกับส่วนของด้านหน้าที่สามารถมองออกมาเห็นสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้นักท่องเที่ยวได้เห็นและสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ในส่วนของด้านบนของตัวเต็นท์นอนนั้นก็ยังสามารถมองออกไปยังท้องฟ้าได้อีกด้วย ทำให้ในตอนกลางคืนสามารถมองเห็นดาวได้ชัดเจน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านในก็มีอย่างครบครันไม่แพ้ที่พักในโรงแรมเลยเช่นกัน และส่วนใหญ่ที่พักในเต็นท์นอนแบบนี้ก็มีราคาถูกกว่าที่ต้องจัดอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อไปตั้งแคมป์ปิ้งเอง  2.เต็นท์กระโจม (Bell Tent)  เป็นเต็นท์นอนขนาดใหญ่ที่มีลักษณะสวยงาม ดูสะอาดสบายตาสไตล์มินิมอล เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ[…]

Read More

ไม่มีใครอยากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง เพราะสิ่งเหล่านี้ต่างบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ แต่ถ้ามีการวางแผนเพื่อรองรับความเสี่ยงเอาไว้ อย่างเช่นการทำประกันมะเร็ง หรือประกันโรคร้ายแรง ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่มีความกังวลเรื่องในอนาคต หากเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคพวกนี้ขึ้นมาจริง ๆ การมีวงเงินที่ช่วยดูแลค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรักษา และแบ่งเบาภาระทางการเงิน ก็คงจะดีกว่าการที่เจ็บป่วยแล้วไม่มีอะไรมาช่วยดูแลเลย แต่บางคนก็ยังคงมีข้อสงสัยว่า การทำประกันมะเร็งกับประกันโรคร้ายแรงนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาคลายข้อสงสัยกัน ถ้าพร้อมแล้วเลื่อนลงมาอ่านกันได้เลย เรื่องราวของการทำประกันมะเร็ง โรคมะเร็งนั้นเรียกได้ว่าเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี ซึ่งนอกจากจะต้องดูแลร่างกายและคอยตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำแล้ว การซื้อประกันมะเร็งก็เป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้การดูแลสุขภาพได้เช่นเดียวกัน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นประกันมะเร็งแล้ว แน่นอนว่าโรคที่คุ้มครองก็จะเป็นโรคมะเร็งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันประเภทนี้จะแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเป็น 2 ส่วนหลัก คือ การตรวจ และการรักษา ซึ่งการรักษาอาจแบ่งแยกย่อยเป็นการทำเคมีบำบัด การผ่าตัด หรือการรักษาประเภทอื่น ๆ ตามที่แพทย์ลงความเห็นและพิจารณาให้เข้ารับการรักษา สำหรับใครที่กำลังสนใจ และกำลังอยู่ในระหว่างการค้นหาข้อมูลเพื่อทำประกันมะเร็ง ขอบอกเลยว่าลักษณะความคุ้มครองของประกันมะเร็งนั้นแตกต่างกันไปตามชนิดมะเร็ง ระยะการเป็นมะเร็ง รวมถึงอายุของผู้ป่วย ซึ่งในบางกรมธรรม์อาจจะระบุว่าให้ความคุ้มครองมะเร็งทุกระยะ แต่ก็อาจจำกัดอายุของผู้ป่วยเอาไว้ หรืออาจให้วงเงินคุ้มครองที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทฯ แล้วประกันโรคร้ายแรงล่ะ? ประกันสุขภาพสำหรับโรคร้ายแรงนั้น จะเป็นรูปแบบความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ระบุอยู่ในกรมธรรม์ ซึ่งจะต่างกันออกไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทฯโดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า 10 โรค โดยส่วนมากมักจะเป็นโรคร้ายที่ต้องใช้การรักษาที่ซับซ้อน หรือในบางกรมธรรม์ของประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงก็อาจรวมถึงโรคมะเร็งไว้ด้วย สำหรับใครที่ต้องการพิจารณาส่วนอื่น ๆ[…]

Read More